กระแสนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ของตลาดจีนที่น่าจับตามอง
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เพื่อให้ธุรกิจนำเที่ยวและโรงแรมไทยที่เข้าไปทำตลาดในจีน ปรับตัวได้ทันพฤติกรรมดังกล่าว ในการทำโรดโชว์ที่จีนจากนี้จะสอดแทรกรูปแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คช็อป) โดยนำบริษัทนำเที่ยวจากจีน ไทย และโรงแรมในไทย แบ่งเป็นกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับทัวร์คณะย่อยที่เหมาะสม
ขณะที่ ททท.เป็นผู้ช่วยป้อนข้อมูลด้านสินค้าท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับตลาดนี้ เช่น โปรแกรมวอล์กกิ้ง ทัวร์ (เดินเที่ยว) 11 เส้นทางน่าสนใจ ซึ่งปกติอาจไม่สามารถนำเสนอให้กับทัวร์คณะใหญ่ได้
กิจกรรมดังกล่าวแบ่งเป็นออกเป็น 5 กลุ่ม ให้เวลาประชุมกลุ่มละ 30 นาที จากนั้น นำเสนอเส้นทางที่ออกแบบให้ผู้เข้าร่วมรับทราบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการทั้งหมด ซึ่งเป็นการคิดแบบกลับมุมมองจากปกติ ททท.จะเป็นผู้ออกแบบเส้นทางให้ แต่หากมีเวิร์คช็อปดังกล่าว จะทำให้บริษัทนำเที่ยวและโรงแรมในฐานะที่มีความใกล้ชิดนักท่องเที่ยว สามารถผลิตโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการตลาด โดยมี ททท.เป็นผู้ให้คำแนะนำชี้แนะแทน
การริเริ่มรูปแบบดังกล่าว มีข้อจำกัดด้านพื้นที่การทำตลาดเฉพาะทางตอนใต้และภาคตะวันออก อาทิ เสินเจิ้น กวางโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ที่มีฐานตลาด FIT สูง และมีบริษัทนำเที่ยวที่มีความกระตือรือร้นในการทำตลาดรูปแบบใหม่ ขณะที่ตลาดฝั่งตะวันตกและภาคกลาง ที่ยังต้องพึ่งพิงตลาดทัวร์ในรูปแบบดั้งเดิม อาจใช้เวลาระยะหนึ่งจึงค่อยขยายทัวร์รูปแบบใหม่เข้าไป ในระหว่างนี้อาจทยอยสร้างฐานในเมืองหลวง เช่น เฉินตู และฉงชิ่ง
แม้ว่าตลาดทัวร์จะมีสัดส่วน 30-40% แต่ยังให้ความสำคัญในการทำตลาดเช่นเดิม เนื่องจากยังมีส่วนในการเข้าไปอุดหนุนให้เกิดรายได้ต่อธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรมระดับ 3 ดาว ที่ต้องพึ่งพากรุ๊ปทัวร์จากจีนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การส่งเสริมการตลาดทั้งรูปแบบเก่าและใหม่จะเดินหน้าไปแบบคู่ขนาน
ในช่วงไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวจีนมาไทยมีจำนวน 2.4 ล้านคน ลดลง 8% ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ว่าจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการจัดระเบียบทัวร์ผิดกฎหมาย
ไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดจีนถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่ายระดับสูง สังเกตได้จากโรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท โรงแรมระดับ 5 ดาว มีตลาดจีนเข้ามาเป็นอันดับ 3 และจองเข้ามาเองในราคา 4,000-5,000 บาทต่อคืน พฤติกรรมส่วนใหญ่ เดินทางเข้ามาด้วยตัวเอง ผ่านการจองออนไลน์
“การจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญที่ผ่านมาของรัฐบาล ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะทำให้ได้การใช้จ่ายในประเทศไทยมีคุณภาพขึ้น เสริมความแข็งแกร่งในเชิงปริมาณที่นักท่องเที่ยวจีนมีฐานตลาดใหญ่ และยังเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับประชากรที่มีกว่า 1,200 ล้านคน แต่ปัจจุบันยังเดินทางมาไทยไม่ถึง 1%”
จากการประเมินของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า หากไตรมาส 2 ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ตลาดจีนน่าจะเข้ามาอีกราว 2.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.49% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเป็นการปรับตัวสู่แดนบวก หลังจาก สทท.ประเมินตลาดนี้ในไตรมาสแรก ลดลง 3.31% คิดเป็นจำนวน 2.54 ล้านคน
ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ