ปัจจัยจากตลาดหุ้นสหรัฐสั่นคลอน ทำราคาหุ้นของ Tencent ดิ่งลดลงกว่า 40%
เมื่อหุ้นของ Tencent ดิ่งลดลง
ในช่วง 2-3 วันนี้ มีรายงานสำคัญเกี่ยวกับมูลค่าของราคาตลาดหุ้นบริษัทยักษใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนหลายแห่งที่มีราคาหุ้นลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ได้ชื่อว่ามีมูลค่าหุ้นสูงสุดของจีนในปีทที่ผ่านมาอย่าง Tencent ดิ่งวูบลดลงถึงกว่า 40%
หลายคนพอจะทราบกันมากขึ้นว่า Tencent ที่ก่อตั้งโดย หม่าฮั่วเถิ่ง กำลังเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงคู่มากับ Alibaba ของแจ็คหม่า ซึ่งผลงานบริการสำคัญของ Tencent คือการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำคัญอย่างเช่น Wechat และ Wechat Payซึ่งเป็นบริการสำคัญในด้าน E-Payment ที่คนจีนแทบจะมีติดไว้ในมือถือเกือบทุกคน ซึ่งมีสถิติว่ามีจำนวนผู้ลงทะเบียนของ WeChat มากกว่า 1,000 ล้านคน จากเมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมา
แต่จากรายงานล่าสุดระบุว่า Tencent (TCEHY) ที่เคยมีมูลค่าหุ้นพุ่งสูงสุด กลับมีราคาตลาดหุ้นลดลงกว่า 40% จากรายงานของ Bloomberg
แล้วสาเหตุมาจากอะไรกันแน่
หลายฝ่ายได้วิเคราะห์กันว่า เป็นผลกระทบมาจากสงครามการค้าระหว่าง จีนและสหรัฐอเมริกา แต่ที่จริงแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่คาดไม่ถึงอีก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนร่วงเพราะตลาดหุ้นที่สหรัฐ
อันที่จริงแล้ว ไม่เพียงแต่ Tencent บริษัทเดียวเท่านั้น แต่บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Alibaba และ Jingdong ต่างก็มีราคาในตลาดหุ้นตกลงกันทั้งหมด กล่าวได้ว่าเป็นผลกระทบแบบลูกโซ่ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทใหญ่ๆของจีนในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่า สาเหตุหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเรื่องนี้ มาจากสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบในสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังอาจเป็นเพราะหุ้นของบริษัท Tencent (และ Alibaba) ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นของนิวยอร์ค ซึ่งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นของสหรัฐได้รับผลกระทบจนเกิดเป็นลูกโซ่ โดยมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากรัฐบาลจีน ซึ่งนัยยะหนึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ เป็นผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐไว้มากที่สุด
แล้วด้วยการที่สหรัฐอเมริกาได้ประกาศสงครามทางการค้ากับจีน และกำลังมีความเคลื่อนไหวในเชิงลบกับอีกหลายประเทศ จึงทำให้หลายประเทศมีแนวโน้มที่จะเริ่มหันไปทำการค้าด้วยเงินสกุลอื่น ไม่ใช่แค่จากในดอลล่าร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางรัฐบาลจีนก็ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขายพันธบัตรสหรัฐอย่างที่หลายฝ่ายกังวลว่า จะทำเพื่อเป็นการตอบโต้หรือกดดันในสงครามการค้า
ทางด้านธนาคารกลางของสหรัฐก็ได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยพันธบัตร ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการถือพันธบัตรมีความมั่นคงกว่าตลาดหุ้น นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มีการปรับเปลี่ยนการลงทุนจากการถือหุ้นมาถือพันธบัตรแทน
ปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นตัวที่อ่อนไหวง่าย ดังนั้นจึงเป็นอีกสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการลงทุนดังกล่าวยิ่งขึ้นนั่นเอง
Tencent โดนผลกระทบต่อเนื่องมาทั้งปี
เมื่อประมาณเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ตลาดหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเข้าสู่ภาวะจำศีล (ตลาดหมี) ซึ่งก็ได้ลดลง 6% แล้วไปกระทบถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ส่งผลต่อนักลงทุนชาวจีนที่ถือเงินหยวน เพราะทำให้ต้องซื้อหุ้นฮ่องกงสูงขึ้น
แล้วหนึ่งในบริษัทที่รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็คือ Tencent ที่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียมูลค่าตลาดไปมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่ตืนปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งยังมีความกังวลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนสั้งแบนเกมออนไลน์บางเกม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญของ Tencent
โดยสรุป
การที่หุ้นของ Tencent ดิ่งลดลงเช่นนี้ ก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าเศรษฐกิจของจีนกำลังย่ำแย่ลงแต่อย่างใด แต่อาจเป็นการส่งสัญญาณในทางตรงกันข้ามก็เป็นได้ ซึ่งคงต้องจับตามองดูสถานการณ์ต่อไป
===================================================
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ
“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ