จีนครองอันดับหนึ่ง ยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยี Blockchain สูงสุดในโลก
ในขณะที่เทคโนโลยี Blockchain กำลังกลายเป็นอนาคตใหม่ของโลกที่ได้รับความสนใจและพัฒนากันอย่างมากทั้งภาครัฐและเอกชน ก็มีรายงานที่ชี้ว่า ประเทศจีนได้กลายเป็นประเทศที่ครงอันดับ 1 ในการยื่นจดสิทธิบัตรทางด้าน Blockchain สูงสุดของโลก นับตั้งแต่ปี 2015-2018 อ้างอิงจากรายงานของ Global Blockchain Enterprise Patent Ranking (IPRdaily report) และ http://finance.ifeng.com
การลงทุนกับ Blockchian
การเร่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้าน Blockchain ไม่ได้เป็นแค่กระแสที่มาเพียงชั่วคราว แต่กำลังถูกมองว่าเป็นทิศทางใหม่ของโลก ซึ่งจีนก็เป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจที่ให้ความสำคัญในด้านนี้อย่างเต็มที่
มีข้อมูลจากทาง Global Blockchain Enterprise Patent Ranking (IPRdaily report) ที่ชี้ว่า ภาครัฐและภาคเอกชนของจีน ได้ร่วมกันลงทุนด้านเทคโนโลยี Blockchain โดยในส่วนของภาครัฐนั้นได้มีการให้ทุนและอัดเม็ดเงินให้กับภาคเอกชนและโครงการต่างๆเพื่อทำการวิจัยอย่างจริงจัง
หากย้อนกลับไปดูเส้นทางการพัฒนาทางด้าน Blockchain ของจีน จะพบว่าประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งหากอ้างอิงจากงานประชุมของ Chinese Academy of Sciences เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขายังกล่าวว่า เทคโนโลยี Blockchain เป็นกญแจสำคัญในการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 และต่อไป ซึ่งจีนเห็นว่านี่คือโอกาสสำคัญที่ไม่ควรพลาด เช่นเดียวกับปัญญาประดิษฐ์ A.I. ที่จีนได้ก้าวเข้ามาทางด้านการวิจัยอย่างเต็มตัว
ที่สำคัญคือ ในตลาดโลกที่สหรัฐอเมริกาครอบครองอยู่ในหลายพื้นที่นั้น การรุกทางด้านนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้จีนแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาได้อย่างเต็มที่ด้วย
Blockchain คืออะไร
Blockchain คือ นวัตกรรมเทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบหนึ่ง มีลักษณะเป็นบล็อกเรียงต่อกันเป็นสาย ซึ่งแต่ละบล็อกก็จะมีชุดข้อมูลที่มีลักษณะสามารถเชื่อมโยงไปยังบล็อกต่างๆก่อนหน้าได้ จึงเป็นที่มาของการเรียกว่า Blockchain
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่อง Blockchain จะพบว่าการนำมาใช้ไม่เพียงแต่ด้านระบบการเงินเท่านั้น แต่มีการประยุกต์ใช้กับระบบอื่นๆด้วย
ตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้มันเพื่อติดตามเส้นทางของการขนส่งสินค้า ทำให้เราสามารถทราบได้ทันทีว่า สินค้ารายการไหนกำลังถูกส่งออกมาจากคลังสินค้าที่ไหน ส่งให้ใคร แล้วยังตรวจสอบได้ว่า สินค้านั้นหมดอายุเมื่อใด ดังนั้นถ้ามีกรณีที่สินค้ามีปัญหา ก็สามารถสืบย้อนกลับไปได้ทันทีว่าติดขัดที่ตรงไหน
ที่สำคัญคือ ข้อมูลที่อยู่ใน Blockchain ไม่สามารถลบออกไปได้ เพราะทุกคนมีข้อมูลนี้เหมือนกันหมด ถ้าจะลบก็ต้องตามลบทุกคนซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว และยังสามารถติดตามการบันทึกข้อมูลย้อนหลังทั้งหมดได้ ช่วยให้ธุรกิจและกิจการของเราโปร่งใสมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น Blockchain ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาการรวมศูนย์จากส่วนกลาง ขจัดปัญหาด้านทรัพยากรและความไม่โปร่งใสได้ด้วย
จีนกับอนาคตของ Blockchain
ในเวลานี้ทางรัฐบาลจีนได้เริ่มตั้งนิคมอุตสาหกรรม ”China HangZhou Blockchain Industrial park” เพื่อให้เป็นศูนย์รวมของบริษัททางด้าน Blockchain โดยเฉพาะ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการลงทุนในหลายเมือง มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนเช่น Alibaba และ JD.com ก็ได้มีการนำเทคโนโลยีด้านนี้เข้ามาช่วยสำหรับการตรวจสอบการกระจายสินค้า การขนส่ง การหมดอายุของสินค้า และอื่นๆด้วย
สำหรับในภาพรวม จีนมีการยื่นขอจดสิทธิบัตรมากกว่า 284 รายการ จากในปี 2017 เหนือกว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งขอยื่นจดที่ 112 รายการ
ทางด้าน Alibaba ยังขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีการยื่นจดสิทธิบัตรในด้านนี้สูงสุด มากกว่า 90 รายการ แซงหน้า IBM ยักษ์ใหญ่ทางด้าน IT ของสหรัฐอเมริกาและของโลก
นอกจากนี้ ที่กรุงปักกิ่ง ยังมีการลงทุนกับ Blockchain คือการตั้งกองทุน Beijing Blockchain Ecosystem Fund เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านหยวน เพื่อที่จะนำไปใช้กับอุตสาหกรรมด้านต่างๆของประเทศต่อไป
ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็มีความจำเป็นที่จะต้องอัพเดทความคืบหน้านี้ต่อเช่นกันครับ
===================================================
#คิดถึงการตลาดจีน คิดถึง Level Up Thailand#
ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ
“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่
หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ
“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่
ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่
ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ