top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

ไขปริศนา เจาะลึกโอกาสตลาดอีคอมเมิร์ซจีน ขุมทรัพย์แห่งใหม่สำหรับ SME ไทย


“จีน” ตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 1 พันล้านคน เต็มไปด้วยโอกาสทางการค้า ถนนทุกสายจากทั่วโลกต่างมุ่งตรงสู่แดนมังกร แต่ใช่ว่าทุกคนที่ไปจะประสบความสำเร็จ เพราะตลาดเมืองจีนมีความซับซ้อนกว่าที่เราคิด ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนเปลี่ยนไปในทุกๆ วัน การจะเจาะตลาดประเทศนี้ได้ต้องทำความเข้าใจถึงบริบทต่างๆ ให้ลึกซึ้ง ซึ่งหากลองผิดลองถูกด้วยตนเองอาจจะต้องใช้หลายปี แต่โอกาสทางธุรกิจอาจจะไม่รอท่า ดังนั้น ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อยที่สายป่านอาจจะไม่ได้ยาวนัก ควรหมั่นหาความรู้และอัพเดทข้อมูลต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ทันกับความต้องการของชาวจีนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว



เมื่อไม่นานมานี้ ทางไทยพาณิชย์ได้จัดงานสัมมนาให้ความรู้กันแบบฟรีๆ ภายใน SCB Business Center เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ เกี่ยวกับเรื่องการบุกตลาดจีนโดยเฉพาะ ในหัวข้อ “จีน ขุมทรัพย์แห่งใหม่สำหรับ SME ไทย” โดยมีมุมมองใหม่ๆ ของตลาดการค้าที่ใหญ่สุดในโลกอย่างประเทศจีนกับ 3 ผู้เชี่ยวชาญ


ดร. ธนพล ศรีธัญพงศ์ จาก SCB EIC บอกเล่าเกี่ยวกับจีนในมุมใหม่ เพื่อให้ทำการค้ากันอย่างยั่งยืน

คุณพิมพ์ขวัญ อดิเทพสถิตย์ จาก SCB China เล่าวิธีดันแบรนด์ไทยไปเมืองจีน บน Cross Border E-Commerce


คุณ Susan Yonhjun Su จาก Lert Global Group บอกถึงเคล็ดลับการทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวจีน

ซึ่งงานนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในงานเสวนากาแฟ Coffee Talk Series : Episode 3




ประเด็นสำคัญของงานนี้ ยังเป็นการแนะนำอาวุธใหม่สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ไทย ที่เรียกว่า “มณี Free Solution ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ SME และผู้ที่กำลังเริ่มมองหาโอกาสและทางรอดใหม่ ๆ หลังจากที่แทบทุกฝ่ายต่างก็กำลังได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการชะลอตัว และผลกระทบจากสงครามการค้า จีน-สหรัฐ ที่เป็นห่วงโซ่แล้วกระทบไปแทบจะทุกวงการ


ข้อได้เปรียบของ SME

ในเวลานี้เราเริ่มพบว่า ในหลายธุรกิจกำลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในส่วนของภาคส่งออกขนาดใหญ่ แต่สำหรับธุรกิจ SME ก็มีข้อได้เปรียบอยู่ในแง่ที่ว่า แม้จะขนาดเล็ก แต่ก็ทำให้สามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ อีกทั้งหลายธุรกิจในเวลานี้กำลังเริ่มขยายตลาดและปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นการทำการตลาดและการขายผ่านออนไลน์ ในรูปแบบ เว็บอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) กันมากขึ้น ซึ่งช่องทางเหล่านี้ก็เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ผลิตรายย่อย และเจ้าของสินค้าสามารถทำตลาดตรงถึงลูกค้าโดยคัดคนกลางออก


แต่ด้วยภาวะเช่นนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า กลุ่ม Distributor และผู้นำเข้า โดยเฉพาะนำเข้าจากจีน กำลังเจอภาวะที่ย่ำแย่ไปด้วย เพราะหลังจากอาลีบาบาเข้าได้มาเปิดศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษีอีคอมเมิร์ซ เท่ากับว่าการแข่งขันก็จะรุนแรงขึ้น และยากขึ้นมาก เนื่องจากจะมีการทำสงครามราคา และการจัดส่งสินค้าที่ผู้ผลิตในจีนก็ไม่ต้องง้อตัวกลางอีก ทีนี้แหละครับ เป็นนรกของ Trader ที่ไม่ยอมปรับตัวเลย


บางคนอาจจะสงสัยว่าจริงหรือ??? ต้องบอกว่า มันใกล้ตัวทุกท่านมากกว่าที่คิด




สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ผลกระทบลูกโซ่อะไรบ้าง


ก่อนอื่น อยากจะให้ดูผลกระทบจากเรื่องสงครามการค้า จีน-สหรัฐ ที่เกิดขึ้นก่อนครับ เอาในแง่ผลกระทบของทางสองมหาอำนาจก่อนเลย


สำหรับจีน ได้รับผลกระทบในช่วงที่การเติบโตของ GDP ในจีนกำลังตั้งเป้าลดลง โดยในปี 2018 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.5-6.6% ซึ่งเติบโตชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่อันที่จริงเรื่องนี้พอเข้าใจได้ก่อนจะเกิดสงครามการค้า เนื่องจากจีนกำลังมุ่งไปพัฒนาด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคในเมืองชั้นรอง และเมืองระดับล่าง ระดับ Tier 3-4 มากขึ้น ส่วนเมืองระดับ Tier 1-2 ลดลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลกระทบ


นอกจากนี้ยังมีเรื่องภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม สินค้าขั้นกลาง และขั้นต้น เริ่มเห็นผลกระทบบ้างแล้ว เช่นกลุ่มของ ไม้ พลาสติก เพราะเป็นสินค้าปลายน้ำจากจีนเก็บภาษีจากสหรัฐ ซึ่งเวลานี้มียอดส่งออกติดลบอยู่ 2-3%


ทีนี้ในแง่ผู้บริโภคในจีน พบว่ายอดใช้จ่ายในประเทศจีนมีการเติบโตมากในปีก่อน ๆ แต่ตั้งแต่สงครามการค้าเป็นต้นมา ทุกอย่างชะลอลง โดยในส่วนของค้าปลีก โตที่ 6-7% ส่วนช่องทางออนไลน์ เติบโต ประมาณ 9% ซึ่งแม้ว่าจะยังดูดีอยู่แต่ก็ถือว่าชะลอลงจากปีก่อน แต่บรรดาผู้บริโภคในจีนส่วนใหญ่ก็ยังมีความเชื่อมั่นอยู่ว่าเศรษฐกิจจะยังไปต่อได้


อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากราคาเนื้อหมูที่เฟ้อขึ้นหลังจากเกิดการระบาด อหิวาต์สุกร ที่ระบาดมาตั้งแต่ต้นปี ทำให้ต้นทุนเรื่องเนื้อหมูกำลังแพงมากขึ้น แต่ทางจีนเองก็พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยพยุงทั้ง ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพราะอยากให้มีการปล่อยเงินสินเชื่อให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทางธนาคารก็มีการตอบสนองที่ค่อนข้างรวดเร็วด้วย เรียกว่าเป็นการตั้งเป้าหมายหลักอยู่ที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในให้แกร่งขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลก็ควบคุมสถานการณ์ได้จากการควบคุมทางการเงิน สินเชื่อ และ อื่น ๆ เช่นกัน




นอกจากนี้ ในจีนยังมีการออกแคมเปญสำคัญคือ การทำสงครามในเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็มีประเด็นเรื่องเมืองฝั่งตะวันออก และ ภายในกับตะวันตก ที่มีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ระหว่างเมืองชายฝั่งและ เมืองชั้นใน Inner แต่ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้


อีกประเด็นคือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ก็มีผลมาก ซึ่งเวลานี้เราจะเริ่มเห็นคนจีนที่มีอายุมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่มองไปข้างหน้า ต้องจับตลาดกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น เหล่านี้เป็นเทรนด์ระยะกลางและระยะยาว


แล้วยังมีความเสี่ยงสุดท้ายคือ ถ้ามีการร่วมทุนกับนักธุรกิจจีน ช่วงนี้จำเป็นต้องระวัง เพราะตัวเลขโดยรวมของภาคหนี้ธุรกิจจีนค่อนข้างสูงมาก 170% ของ GDP แต่รัฐบาลจีนสามารถบริหารจัดการได้ เพราะเป็นหนี้ในรูปสกุลเงินหยวนของจีนเอง จีนจึงยังควบคุมอยู่ ถ้ามีผลกระทบก็จะเป็นในส่วนของบริษัทในจีนเองมากกว่า




กำแพงภาษี


ถือว่าสำคัญมาก เพราะในเวลานี้ ทางสหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีส่งออกจากจีนเกือบทุกด้านแล้ว 90% โดยเฉพาะกลุ่ม เทคโนโลยี เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า ของเล่น

แต่ทางจีนก็ตอบโต้ในกลุ่มสินค้าเกษตร และ อิเล็กทรอนิกส์บางส่วน แล้วเช่นกัน


ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยครับที่ทำไมยอดซื้อและการส่งออกทั่วโลกมีผลกระทบลดลง เพราะมาจากสองมหาอำนาจนี่เอง แล้วก็กระทบมาถึงไทยด้วย เพราะเวลานี้สหรัฐก็กำลังเริ่มแบนบริษัทในจีน


ดังนั้นโดยสรุปแล้ว ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มุ่งเจาะตลาด New Economy โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ซึ่งอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะการบริโภคภายในยังแข็งอยู่นั่นเองครับ


แล้วช่องทางอีคอมเมิร์ซ สำคัญยังไง

ก่อนอื่นต้องบอกว่า เวลานี้ ตลาดจีน เหมือนผู้หญิงสวยๆ ที่ใคร ๆ ก็อยากจีบ ถ้าเราตามใจไม่ถูกก็จบกัน แล้วก็ต้องคอยอัพเดทเทรนด์ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ท่านเดินทางไปนครเซี่ยงไฮ้ 3 เดือนต่อมา ก็อาจจะเปลี่ยนเปลงอีกแล้ว


ดังนั้นถ้าอยากบุกตลาดจีน มีช่องทางแนะนำสองทางหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม SME ครับ นั่นคือ

1.Normal Trade ผ่าน Shopping Mall ทั่วไป และทางออนไลน์

2.Cross Border E-commerce (CBEC) ขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ แบบข้ามประเทศ

ซึ่งรูปแบบที่สอง กำลังมาแรงมากครับ และเป็นช่องทางที่เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้น ต้นทุนน้อย หรืออยากทดลองตลาด ก็นับว่าเป็นโอกาสแล้ว




เพราะฉะนั้นในเมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลง และช่องทางอินเทอร์เน็ต กับ อีคอมเมิร์ซกำลังมีความสำคัญมากขึ้น กลุ่มธุรกิจ SME ของไทยเรา ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน โดยทางธนาคาร SCB ได้แนะนำ มณี Free Solution ที่จะมาตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการ มีข้อเด่นหลายด้านสำหรับช่องทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ


❖ ไม่มีค่าธรรมเนียมทุกประเภทเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล และมีบัญชีมณีมั่งคั่ง

❖ แก้ปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมแอบแฝงของการโอนเงิน 10%

❖ ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ

❖ ในส่วนของบัญชีเดินสะพัด ยังให้ดอกเบี้ยสูงสุด 1%



นอกจากนี้ SCB ยังได้ร่วมมือกับ Class Café พัฒนาพื้นที่ Co-working Space ภายใน SCB Business Center ให้กลายเป็นพื้นที่พบปะและต่อยอดธุรกิจสำหรับผู้ที่คิดอยากทำธุรกิจ รวมถึงการให้ความรู้ผ่านงานสัมมนาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง


=========================================

ต้องการตรวจความพร้อมก่อนบุกตลาดจีน สามารถอ่านบทความ

“ตรวจความพร้อมก่อนไปตลาดจีน” ได้ที่

หรือ อยากทราบภาพรวมของการตลาดออนไลน์จีนสามารถอ่านบทความ

“บุกตลาดจีนด้วยการตลาดออนไลน์จีน” ได้ที่

ต้องการคำปรึกษาหรือดูบริการแพ็คเกจบริการการตลาดจีนเริ่มต้นได้ที่

ทั้งนี้ถ้าต้องการให้เราเขียนเพิ่มเติมด้านไหนสามารถ Comment มาได้เลยนะครับ

Comments


Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page