พรุ่งนี้ย่อมดีกว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านไตรมาส 3 ของปี 2020
ได้มีการเปิดเผยผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ปรากฏว่านี่คือไตรมาสดีที่สุดหากเทียบกันเป็นรายปีในช่วง 9 เดือนแรก มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.7% อันแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวครั้งใหม่หลังช่วงเวลาที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศต้องดิ่งลงเหวสุด ๆ จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
ถือเป็นการฟื้นตัวที่มีความโดดเด่นหากวัดกันตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจหดตัวลงถึง 6.8% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพอการระบาดดังกล่าวเริ่มอยู่ภายใต้การควบคุมที่เห็นผลมากขึ้นเศรษฐกิจจีนก็ค่อย ๆ กลับมาโตถึง 3.2% ในไตรมาสที่ 2 ขณะที่ไตรมาส 3 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% หากเทียบเป็นรายปี ซึ่งตรงนี้ต้องชื่นชมการควบคุมโรคระบาดของประเทศจีนอย่างมาก
Liu Aihua โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ NBS ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 โดยระบุว่า “เห็นได้ชัดถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นมาจากการป้องกันการแพร่ระบาดภายในประเทศจีน และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของโลก นั่นแสดงให้เห็นถึงความความแข็งแกร่งและความตื่นตัวในเชิงบวก”
การควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเด็ดขาด
หากมองย้อนกลับไปถึงแนวทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนปฏิเสธไม่ได้ว่าความพยายามในการควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดคืออีกหัวใจสำคัญ นับตั้งแต่มีการเริ่มระบาดของไวรัสโควิด-19 จีนไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องการช่วยชีวิตแต่พยายามพัฒนาวิธีรักษาแบบเฉพาะเจาะจงโดยการทดสอบและติดตามผลเป็นจำนวนมาก มีการติดตามกลุ่มที่สัมผัสกับเชื้ออย่างละเอียด การปิดกั้นอันแสนเข้มงวด ส่งผลให้การแพร่ระบาดอยู่ภายใต้การควบคุมอยู่ตลอด
แบ่งประเภทของการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชัดเจนขึ้น
เพื่อให้มองเห็นภาพง่ายขึ้นจะขอแยกประเภทของการเติมโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 อันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มกลับเข้ามาสู่การเป็นผู้นำในด้านเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง
โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีการเติบโตขึ้น 6.9% ขณะที่ยอดการค้าปลีกก็เติบโตถึง 3.3% หากเทียบสัดส่วนกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5% และสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ถึง 1.7%
การเติบโตของวงการค้าปลีกในช่วงไตรมาสที่ 3 เมื่อตอนเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานับว่าเป็นการขยายตัวครั้งแรกในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคจะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจกลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้เมื่อบวกกับแนวโน้มที่ถูกคาดการณ์ว่าน่าจะมีสินค้านำเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก 13.2% โดยทางกรมศุลกากรของจีนได้ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่ามีการนำเข้าสินค้ารายเดือนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 203 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในด้านการลงทุนเกี่ยวกับทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 0.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยหากเทียบกับเมื่อตอนเดือน 8 ที่ผ่านมานับว่ามีอัตราเติบโตที่ 0.3% อันถือเป็นการขยายตัวที่สูงขึ้นครั้งแรกในปีนี้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการเติบโตในภาพรวมของ GDP ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ถึง 5.3% หากเทียบเป็นรายปี ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่ชะลอตัวลง รวมถึงการลงทุนกับหน่วยงานและการบริโภคไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
ผู้คนเริ่มกลับมามีรายได้มากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
นอกจากเรื่องการลงทุนแล้ว ยังมีการสำรวจถึงอัตราว่างงานในเขตเมืองตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีอัตราลดลงจากเดิม 5.6% เหลือเพียง 5.4% ยิ่งถ้าเทียบกับตอนเดือนกุมภาพันธ์ที่คนว่างงานสูงถึง 6.2% นับว่าอัตราดังกล่าวค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยทางรัฐบาลจีนตั้งเป้าที่จะสร้างงานใหม่ในเขตเมืองถึง 9 ล้านตำแหน่งภายในปี 2020 ซึ่งถ้าเทียบกับ 11 ล้านคนในปีก่อนหน้าที่มีอัตราว่างงาน 5.5% พวกเขาสามารถสร้างงานให้กับผู้คนไปได้สูงถึง 13.52 ล้านตำแหน่ง
กระนั้นข้อมูลดังกล่าวแม้จะเป็นการบ่งบอกถึงอัตราการว่างงานบางส่วนของประชากรในเมืองใหญ่ แต่นักวิเคราะห์กลับเห็นตรงข้ามเกี่ยวกับการแสดงสถานภาพของการจ้างงานโดยรวม เนื่องจากตัวเลขนี้ยังไม่ได้รวมบรรดาแรงงานต่างจังหวัดหรือคนที่อพยพเข้ามาอีกหลายล้านคน
ทว่าท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศจีนได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นชาติแรก แต่พวกเขาสามารถควบคุมและทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกตอนนี้ยังคงมองหาวิธีรักษากันอยู่เลย
ที่มา : xinhuanet.com / scmp.com
Comments