Evergrande ยักษ์ใหญ่อสังหาจีนล้ม จะส่งผลยังไง

ตอนนี้สถานการณ์หนึ่งที่นักลงทุนต่างก็มีความกังวลและเป็นข่าวใหญ่ก็คือเรื่องที่บริษัท Evergrande Group ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของจีนกำลังจะต้องประกาศล้มละลายจากกรณที่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่ ซึ่งหากพวกเขาแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ก็อาจจะต้องล้มจริงๆ

.

ทีนี้มันอาจสงผลอย่างไรต่อภาพรวมการลงทุน รวมถึงผลกระทบต่อนักลงทุนในไทยด้วย

.

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ทางเพจ สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) มีการให้ข้อมูลที่น่าสนใจ โดยอ้างอิงจากการวิเคราะห์ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนชื่อดังของไทย ที่ชี้ว่า แม้ตอนนี้ตลาดการเงินของจีนและทั่วโลกจะเกิดความปั่นป่วนจนมีการเทขายหุ้นครั้งใหญ่ เป็นผลจากความกังวลเรื่องปัญาผิดชำระหนี้สินของ Evergrande ที่อาจมากถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็มีความกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและซับพลายเออร์ต่างๆที่ปล่อยกู้ให้ล้มไปด้วย จนถึงขั้นที่อาจจะเกิดเป็นวิกฤตการเงินครั้งใหญ่แบบเดี่ยวกับต้มยำกุ้งในไทยเมื่อปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551 ของสหรัฐ หรือไม่นั้น เป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองอย่างมาก

.

ตรงนี้เองที่น่าจะไปสอดคล้องกับมาตรการต่างๆของจีน ในการนำของสีจิ้นผิง ที่ดูเหมือนจะมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งคาดกว่าทางการจีนคงจะใช้วิธีแทรกแซงทางการตลาดเพื่อแก้ไขปัญหาแน่ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ โดยโลกมีบทเรียนให้เห็นมาแล้วจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2551 ในส่วนนี้เองเราจึงพอวิเคราะห์ได้ว่าทำไมจีนจึงพยายามปรับเปลี่ยนและลดความเป็นทุนนิยมทางภาคเศรษฐกิจของตนเองลง แล้วเน้นกระจายรายได้ให้ประชาชนตามแนวทางสังคมนิยมมากขึ้น รวมถึงความพยายามที่จะลดการผูกขาดทางธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ ซึ่งแม้ดูภายนอกเราจะรู้สึกเหมือนว่าเป็นการแทรกแซงที่มากเกินไปหากเทียบกับตลาดเสรีและอาจใช้เป็นข้ออ้างในการควบคุมธุรกิจในประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจย้ำให้เห็นถึงความจำเป็น

.

รวมถึงการที่ทางการจีนอาจจะปล่อยให้เอเวอร์แกรนด์ “ล้ม” แล้วรัฐบาลจีนจะเข้ามาดูแลกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ซื้อบ้านของบริษัท แต่ในส่วนของสถาบันการเงินคาดว่าจะไม่ล้ม เพราะไม่น่าจะมีรายไหนที่ปล่อยกู้มากจนถึงขั้นล้มในตอนนี้

ดร.นิเวศยังวิเคราะห์ว่าภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนในเวลานี้มีขนาดของตลาดที่ใหญ่กว่าบริษัทเอเวอร์แกรนด์หลายเท่า แม้เรื่องนี้จะส่งผลให้ราคาอสังหาฯต้องปรับตัวลงไปบ้าง แต่ในภาพรวมก็จะทำให้เป็นโอกาสของคนรายได้น้อยที่ต้องการซื้ออสังหาฯในราคาต่ำลงที่จะถูกปล่อยขายออกมา

.

หากเป็นตามที่ ดร.นิเวศ วิเคราะห์ เชื่อว่าสถานการณ์ล้มของเอเวอร์แกรนด์ อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจจีนและโลก จนถึงขั้นวิกฤติแบบที่กังวลกัน

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)