top of page

บทความ

ความรู้ ข่าวสาร ที่นักธุรกิจต้องรู้

ส่งตรงจากจีน

ด่วน!! Trip.com จับมือ JD.com สู่การเป็นเจ้าตลาดด้านท่องเที่ยวของจีน

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยอดการจองเอาไว้บนเว็บไซต์ Trip.com หลายสิบล้านทริปถูกยกเลิก หรือต้องกำหนดเวลาเดินทางใหม่ ส่งผลให้เกิดแรงกดดันรวมถึงปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย


จากเรื่องดังกล่าวทำให้ Trip.com ตัดสินใจจับมือกับ JD.com โดยเป็นการลงนามร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ โดยหลัก ๆ คือ ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเลือกใช้ทรัพยากรในช่องทางการขายระหว่างกันเพื่อให้เกิดการเติบโตขึ้นได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับ Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ JD.com สนใจเข้าเทคโอเวอร์ Trip.com ก็ตาม แต่นั่นยังไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูสภาพคล่องทางการเงินและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยสิ่งสำคัญเวลานี้คือ Meituan กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Trip.com



Meituan คู่แข่งสุดน่ากลัวที่กำลังท้าทาย Trip.com

เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Meituan ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านการจองที่พักล่วงหน้าในชื่อ “Super Group-Buying” เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้ชื่นชอบในการเข้าพักกับกลุ่มโรงแรมไฮเอนด์ ทั้งในจีนและต่างประเทศ พร้อมยังทำการตลาดด้วยส่วนลดกว่า 60% ไม่มีหมดอายุ จะใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้


ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า Meituan กำลังขยายธุรกิจให้ครอบคลุมรอบด้านมากขึ้น ขณะที่ Trip.com ยังคงย่ำอยู่กับที่แค่ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว แม้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะแต่ก็เริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างที่หากไม่รีบแก้ไขก็อาจทำให้ Trip.com เสียเครดิตเอาได้เหมือนกัน


ทั้งนี้ต้องอธิบายว่าการเข้าสู่ตลาดโรงแรมและการท่องเที่ยวของ Meituan ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะในปี 2016 พวกเขาได้มีการลงนามเพื่อร่วมมือด้านการจัดการกับโรงแรมแบบข้ามทวีป นั่นเท่ากับ Meituan เริ่มก้าวเข้าสู่ตลาดโรงแรมไฮเอนด์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ Trip.com


ย้อนดูธุรกิจของ Meituan ก่อนก้าวสู่คู่แข่งของ Trip.com


สำหรับ Metian มีธุรกิจหลากหลาย ซึ่งผลกำไรต่างกันออกไป เช่น ธุรกิจด้านการขนส่งแม้จะทำรายได้หลักเกินครึ่งของธุรกิจทั้งหมดแต่ผลกำไรมีเพียง 1 ใน 3 ของอัตรากำไรขั้นต้นเท่านั้น ทว่าในส่วนของธุรกิจค้าปลีกและการท่องเที่ยวพวกเขากลับมีกำไรในอัตราขั้นต้นสูงถึง 90% เท่ากับว่าในส่วนหลังเป็นธุรกิจที่ทำกำไรให้พวกเขามากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเขาจะสนใจในธุรกิจด้านท่องเที่ยวและโรงแรมมากขึ้น


มีข้อมูลน่าสนใจจาก Trustdata ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2019 คำสั่งการจองโรงแรมผ่าน Meituan ถูกคำนวณว่าเกินครึ่งในการจองโรงแรมทั้งหมดระดับ 50.6% ขณะที่การจองที่พักแบบค้างคืนมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 47.3% ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งหมดของ Trip.com, Qunar.com และ Tongcheng-Elong รวมกันด้วยซ้ำ


แม้ว่าสถิติเบื้องต้นที่เกิดขึ้นจะมาจากการจองที่พักในเกรดปกติไปจนถึงเกรดล่าง ส่งผลให้ภาพรวมกำไรยังอาจสู้ Trip.com ไม่ได้ ทว่าในอนาคตเมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่กลุ่มโรงแรมไฮเอนด์ได้เมื่อไหร่ย่อมสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ Trip.com อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ


สรุปแนวคิด

จากข่าวที่ออกมานี้สิ่งที่เห็นได้อย่างหนึ่งคือ บ่อยครั้งที่ธุรกิจมักเจอปัญหารุมเร้าเข้ามาพร้อม ๆ กันอย่างที่ Trip.com กำลังเผชิญอยู่ ไหนจะเรื่องของไวรัสโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกิจได้อย่างที่คาดหวัง รวมถึงคู่แข่งยังพุ่งแรงขึ้นมาอีก นั่นส่งผลให้พวกเขาจำเป็นต้องมองหาช่องทางและปรับกลยุทธ์ของตนเองโดยอาศัยยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจของจีนอย่าง JD.com ภายใต้การดำเนินงานของ Alibaba เข้ามาเป็นผู้ช่วย


เมื่อย้อนกลับมามองธุรกิจในเมืองไทยตอนนี้เชื่อว่าหลาย ๆ ธุรกิจเองก็คงกำลังประสบปัญหาเรื่องรายได้และผลกำไรอยู่แน่ ๆ คำถามคือ ช่องทางสำคัญในการแก้ปัญหานี้ในแต่ละคนเป็นอย่างไร ลำพังแค่การกู้เงินหรือการใช้เงินจบปัญหาไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีต่างหากจะช่วยให้คุณยังคงยืนหยัดและก้าวเดินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง


ดังนั้นการทำธุรกิจที่ดีอย่ามองว่าทุก ๆ คนคือคู่แข่งของคุณทั้งหมด แต่พยายามหามิตรและสร้างความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเพื่อนร่วมธุรกิจอื่น ๆ เอาไว้ ยามเกิดปัญหาหรือวิกฤตต่าง ๆ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจสามารถผ่านไปได้และยังสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้นใครที่กำลังมีปัญหาลองดูว่าจะสามารถให้ใครช่วยเหลือหรือร่วมมือกับใครได้บ้างหรือไม่

Comments


Basic Chinese Knowledge

Chinese Tourism

Kol influencer

China social media & online marketing

China ecommerce

บทความแนะนำ

บริการของเรา

bottom of page